“นีโอ ไลฟ์” เดินหน้าผลักดันขายตรงสีขาว “ดร.นพรุจ เวชกุล” จำแนกน้ำดีน้ำเสีย ยกระดับอุตสาหกรรม ด้านผลการดำเนินงานผ่าน 9 เดือน เติบโต 30% แย้มมีสิทธิ์เฮก่อนสิ้นปี ฝัน 5 พันล้าน บาท แค่เอื้อม ส่วนแผนรุกขยายแบรนด์ รับมือ AEC กัมพูชา, เวียดนาม ไปได้สวย ปลายปีเดินหน้าขายสินค้า สิงคโปร์ กับ เซี่ยงไฮ้ ปีหน้าปักธงเพิ่มอีก 4 ประเทศชิงความได้เปรียบ
ดร.นพรุจ เวชกุล ประธานกรรมการ บริหาร บริษัท นีโอ ไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยในประเด็นขายตรงที่ดีกับไม่ดีต่างกันอย่างไรกับ “สยามธุรกิจ” ว่า จากอดีตที่ผ่านมาต้องยอมรับคนไทยเป็นกลุ่มคนที่ไม่ชอบงานขายสักเท่าไหร่นัก เนื่อง จากความถนัดในงานค้าขาย อีกทั้งผู้คนมีความต้องการที่จะมีรายได้ที่มั่นคง ซึ่งงานขายไม่ใช่อาชีพที่มั่นคงแน่นอนเท่าใดนัก เพราะหากขายไม่ได้ ก็เท่ากับไม่ได้เงิน
“งานขายเป็นงานที่ไม่ใช่ทุกคนที่ชอบ หรือถนัด แต่สำหรับคนที่ชอบก็จะมองเห็นโอกาสทางธุรกิจว่างานขายนั้นสามารถสร้าง รายได้ได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ ซึ่งต่อมาในยุคใหม่งานขายก็ได้รับความนิยมมากขึ้น คนหันมาให้ความสนใจในการเป็นนักขาย เนื่องจากงานประจำที่ทำอยู่เดิมไม่พอกินพอใช้ ซึ่งธุรกิจขายตรงจึงกลายเป็นธุรกิจแห่งโอกาส นักธุรกิจมีรายได้จากการขายสินค้า ซึ่งกลายเป็นว่าทุกคนต้องพยายามผลักดันขายตรงให้เป็นธุรกิจแห่งโอกาสอย่างแท้จริง” ดร.นพรุจ เผย
โดยบริษัทที่ดีต้องเป็นบริษัทที่มีความ จริงใจ มีความตั้งใจทำธุรกิจ มีความพร้อมในการดำเนินงาน และสร้างความน่าเชื่อถือ ให้เกิดขึ้น อาทิ อาคารสำนักงานที่ถือเป็น ประตูด่านแรกในการสร้างความน่าเชื่อถือ ให้เกิดขึ้นกับผู้คนที่พบเห็น อีกทั้งต้องมีระบบ สนับสนุนจัดการที่ดี นอกจากนี้ บริษัทนั้นๆ ก็ต้องมีกลยุทธ์ส่งเสริมการตลาดที่ดี มีการตอบแทนนักธุรกิจอิสระในสังกัด ด้วยการมอบเข็มเกียรติยศให้ และต้องมีกิจกรรมส่งเสริมการขายและสนับสนุนนักธุรกิจที่ดี
“ขณะเดียวกัน สินค้าก็นับเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจขายตรง เนื่องจากธุรกิจขายตรงมีปัจจัยสำคัญในการ สร้างยอดขายอยู่ที่สินค้า ซึ่งตรงนี้เรื่องมาตรฐานของสินค้า รวมถึงคุณภาพสินค้าก็ต้องมีการรับรองมาตรฐานทั้งในส่วนของไทย เอง และต่างประเทศ เพื่อสร้างการยอมรับ ให้เกิดขึ้นกับผู้บริโภคที่ซื้อสินค้าไป” หัวเรือ ใหญ่ นีโอ ไลฟ์ เผย
อย่างไรก็ดี ในเรื่องของสินค้านั้น
- ราคาของสินค้าก็ต้องคุ้มค่ากับเงินที่เสียไปของผู้บริโภค
- แผนการตลาดต้องเป็นแผนที่มีการจดยื่นกับ สคบ.อย่างเคร่งครัด ไม่ยุ่งยากซับซ้อนจนเกินไป
- การจ่ายค่าคอมมิสชั่นต้อง สมเหตุสมผล
- แผนการตลาดต้องเหมาะกับ คนส่วนใหญ่ ไม่เน้นเรื่องการทำยอดที่สูงเกิน เพราะจะกลายเป็นการผลักภาระไปที่นักธุรกิจ
นอกจากนี้ เรื่องที่สำคัญอย่างหนึ่งที่จะเป็นการแยกระหว่างขายตรงที่ดีกับไม่ดี คือ เรื่องของการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ซึ่งต้องเป็นโฆษณาที่เน้นความจริง เอาเรื่องจริง ขึ้นมาพูดมาประชาสัมพันธ์ ไม่โอ้อวดสินค้า จนเกินไป ซึ่งรัฐก็เป็นอีกหนึ่งภาคส่วนที่ต้อง ช่วยเพื่อให้ความรู้กับประชาชน ว่าขายตรง ที่ดีเป็นอย่างไร ธุรกิจใดเป็นธุรกิจแอบแฝง
ส่วนเรื่องที่เป็นประเด็นว่า แม่ทีม หรือ นักธุรกิจของบริษัทขายตรงมักใช้วิธีผิดๆ ใน การทำธุรกิจขายตรง “ดร.นพรุจ” ให้ความคิดเห็นว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่นักธุรกิจบางคน ที่เอาแต่ได้ เห็นประโยชน์ส่วนตัวเป็นสำคัญ ทำให้มีวิธีการทำงานที่ผิดเพี้ยน แต่ส่วนหนึ่ง ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า หลายครั้งบริษัทสังกัดของ แม่ทีมนั้นๆ ก็มีส่วนรู้เห็นกับการกระทำของ นักขาย ซึ่งในส่วนนี้ถือเป็นเรื่องที่ผิด
“การที่จะทำให้ธุรกิจขายตรงเป็นที่ยอมรับอย่างเต็มภาคภูมิ คงต้องให้รัฐดูว่า กว่า 900 บริษัท ที่มีการจดทะเบียนเป็นบริษัท ขายตรงในปัจจุบันมีกี่บริษัทที่ดำเนินงานอยู่ ซึ่งหากนับดูไล่เรียงชื่อเห็นจะมีประมาณ 150 บริษัทเท่านั้นที่ยังดำเนินธุรกิจอยู่ ส่วนบรรดา ค่ายใหม่ที่เปิดแล้วสร้างยอดขายไม่ได้แล้วต้องปิดตัวไปก็เยอะ อีกทั้งบรรดาที่เปิดบริษัท เพื่อฉ้อโกงก็มี สิ่งนี้ทำให้ธุรกิจขายตรงโดยรวมเกิดความเสียหาย ซึ่งกลายเป็นการบอก ต่อ ปากสู่ปาก แผ่วงกว้าง ทำให้ธุรกิจขายตรง ถูกมองในภาพลบ” ประธานใหญ่ นีโอ ไลฟ์ กล่าว ในประเด็นขายตรงที่ดีกับไม่ดีเป็นอย่างไร
นอกจากในประเด็นข้างต้นแล้ว ในส่วนของความคืบหน้าของการดำเนินธุรกิจ ในปีนี้ของ “บริษัท นีโอ ไลฟ์” ที่ผ่านมาแล้ว กว่า 9 เดือน “ดร.นพรุจ” ได้กล่าวถึงความคืบหน้าของบริษัทว่า จากที่นีโอ ไลฟ์ ดำเนิน ธุรกิจปี 55 ผ่านมา 9 เดือน บริษัทได้เดินหน้างานที่ทำอย่างต่อเนื่องเช่น การเปิดเวที ประดับเข็มนักธุรกิจที่บริษัทจัดขึ้นทุกเดือน อีกทั้งยังมีโปรโมชั่น ลด แลก แจก แถม ที่ทำ อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งการออกโปรฯ ท่องเที่ยวให้นักธุรกิจเร่งสร้างผลงาน รวมทั้งกิจกรรมต่างๆ ที่ทำ การขยายตัวของ นีโอ ไลฟ์ เป็นไปอย่างที่คาดหมายต่อเนื่องเป็นอย่างดี
โดยตลอด 9 เดือนที่ผ่านมา “นีโอ ไลฟ์” มียอดการเติบโตในส่วนของยอดขายประมาณ ที่ 30% และคงเป็นอย่างนี้ไปถึงสิ้นปี ส่วนเป้าหมายยอดขายนั้น บริษัทตั้งเป้าในปีมังกรนี้ว่า ต้องไต่ความฝัน 5 พันล้านบาทให้จงได้ ซึ่งไม่น่าจะพลาดเป้าที่ตั้งไว้ โดยใน ช่วงต้นเดือนธ.ค. ที่จะถึงนี้ บริษัทมั่นใจว่า จะสามารถฉลองเป้ายอดขาย 5 พันล้านบาท ได้อย่างแน่นอน
สำหรับยอดสมาชิกปัจจุบันมีประมาณ 1.3 ล้านรหัส คิดเป็นกลุ่มผู้บริโภคประมาณ 70% นักธุรกิจที่ทำงานอย่างจริงจังประมาณ 10 กว่าเปอร์เซ็นต์ ส่วนกลุ่มที่เหลือก็จะเป็น กลุ่มที่ทำธุรกิจและซื้อใช้
ซึ่ง “ดร.นพรุจ” กล่าวถึงเหตุการณ์ขยายตัวดังกล่าวว่า จากที่บริษัทอัดกิจกรรม มอบเข็มต่อเนื่องในทุกเดือน และมอบนโยบายให้นักธุรกิจสามารถกลับไปฉลองต่อที่ศูนย์ธุรกิจในจังหวัดที่ตนเองอยู่ ก็ยิ่งทำให้นักธุรกิจมีความมุ่งมั่นในการทำงาน ผลักดันให้เกิดการขยายตัวดังที่กล่าวมา
สำหรับตลาด AEC ที่บริษัทกำลังขยายตลาดอยู่นั้น ขณะนี้มีที่ ลาว, กัมพูชา, เวียดนาม โดยในช่วงสิ้นปีก็จะเริ่มนำสินค้า ของบริษัทเข้าไปจำหน่ายในสิงคโปร์ และ เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน โดยปีหน้า บริษัทเตรียมเปิดที่ พม่า, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์ และบรูไนต่อไป
